เรื่องสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ถึงแก่พิราลัย
ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ดังต่อไปนี้:- |
วันเสาร์
ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๔๔
เวลาย่ำรุ่ง ท้าวราชกิจวรภัตร เข้ามากราบบังคมทูลพระกรุณาว่า
สมเด็จเจ้าพระยาเมื่อป่วยหนักออกไปอยู่ที่ราชบุรีแล้ว
ครั้งเมื่อจะไปฉลองศาลาที่ท่านสร้างไว้ที่มะขามเตี้ยไปถึงกลอนโต
ขึ้นไปเก็บมะขามป้อมบนบก หามไปกลางแดดเวลาเที่ยง ไม่ให้ไปก็ไม่ฟัง
ครั้งไปถึงต้นมะขามป้อมก็ไปนอนหลับตาซึมอยู่ กลับมาถึงเรือตัวร้อนอาการมาก
จึงปรึกษาพร้อมกัน เอากลับมาเรือนราชบุรี มานอนท่าพระแท่งดงรังครึ่งคืน
แล้วล่องลงมาถึงเมืองราชบุรี เวลาบ่ายโมงเศษหามขึ้นบก
พอถึงต้นมะขามหน้าบ้านก็เป็นลมคอพับ จึงหามเข้าไปแก้ไขกันอยู่ในเรือน
เวลานั้นลมก็จัดเอาลับแลเข้าบังไว้ ครั้งเจ้าพระยาสุรวงศ์และญาติ
ซึ่งตามมาภายหลังมาถึง จึงพร้อมกันพาท่านลงเรือมาเวลาบ่าย
๕ โมงเศษวานนี้ เรือไฟจูงมาพ้นคลองดำเนินสะดวกมาแล้ว จะเข้าคลองภาษีเจริญติดน้ำ
ๆ แห้ง จึงไปรอน้ำอยู่ปากคลองกระทุ่มแบบ ถึงปากคลองเวลา
๕ ทุ่มเศษ ชักเยื้องไหล่หน่อยหนึ่ง ก็ถึงแก่พิราลัยที่ปากคลองกระทุ่นแบบนั้น
ครั้งน้ำขึ้นจึงรีบเอาศพเข้ามาถึงจวนเวลากรู่ ๆ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ร.๕ เสด็จฯ
ครั้นเวลาเที่ยงเศษ
(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่รัชกาลที่ ๕) ทรงเครื่องดำเสด็จออกรอกกระบวนเสด็จอยู่
แต่โปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายในโปรดน้ำเสียก่อน
ครั้นเวลาบ่ายโมงเศษเสด็จทรงพระราชยานไปประทับท่าราชวรดิษฐ์
เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งกราบไปประทับสะพานหน้าบ้านเจ้าพระยาภานุวงศ์
เสด็จขึ้นทรงพระราชยานไปประทับตึกใหม่หลังบ้าน ประทับตรัสกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ครู่หนึ่ง
เสด็จเข้าไปห้องในซึ่งตั้งเตียงคลุมศพท่านไว้นั้น ทรงรดน้ำพระราชทาน
และพระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายหน้ารดแล้ว แต่งศพตามอย่างธรรมเนียมของท่านเองมีเสื้อตาดตัว
๑ ซ้อนชั้นในเสื้อครุยตัว ๑ แล้วโปรดให้เจ้าพระยาสุรวงศ์หวีศีรษะ
ห่อศพลงโกศลองในของท่านสั่งมาเตรียมไว้ ทรงสวมชฎาพระราชทาน
แล้วเสด็จไปประทับ ณ หอหน้าบ้าน ยกโกศตั้งบนแว่นฟ้าของท่านทำประทับโกศกุดั่นน้อย
เปลี่ยนเอาทองน้อยมาทรง กรมขุนขัตติยกัลยาไว้นั้น ทรงทอดผ้าไตรพระราชทาน
พระสงฆ์มาบังสุกุล ๕๑ รูป แล้วเสด็จทรงพระราชทานยานที่หน้าบ้านเจ้าพระยาภานุวงศ์
เสด็จลงเรือพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวัง เวลาบ่าย ๔
โมงเศษ ทรงฉลองพระองค์และพระภูษาเยียรบับตราเครื่องราชอิสสริยะยศจุลจอมเกล้า
เสด็จลงส่งพระเจ้าลูกเธอที่เกยข้างในแล้ว เสด็จทรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ครั้งแห่มาทรงรับพระเจ้าลูกเธอ
ไปทรงสดับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จบแล้วแห่กลับเหมือนเวลาวานนี้
แล้วเสด็จขึ้น ในการที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ถึงแก่พิราลัยครั้งนี้
โปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ไว้ทุกข์กำหนด ๗ วัน

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
พร้อมด้วยขุนนางผู้ใหญ่เมื่อต้นรัชกาลที่ ๕
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินได้จากไปแล้วจากไปสู่ปรโลกโดยไม่มีวันกลับมาทิ้งความเศร้าโศกสลดยิ่ง
ไว้แก่บุตรหลานและผู้ที่รักข้างหลัง ทิ้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งท่านเคยอุปถัมภ์บำรุงด้วยความจงรักภักดี มาแต่ยังทรงพระเยาว์ไว้เบื้องหลังด้วยประการฉะนี้
เก็บศพสมเด็จเจ้าพระยาฯ
ไว้ที่บ้านตามประเพณีผู้ยิ่งใหญ่สูงศักดิ์แห่งยุค ในระหว่างนั้น
มีพระบรมวงศานุวงศ์ขุนนางข้าราชผู้ใหญ่ในกรุงและหัวเมือง
เข้ามาเคารพศพเป็นอันมาก ดังปรากฏในพระราชกิจรายวันว่า
เมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๔ ปี มะเมีย จัตวาศก จุลศักราช
๑๒๔๔ นั้น เสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกเมืองนครสวรรค์ส่งเงินค่าตอไม้รายมองมีเพียงฉบับ
๑ พระนรินทรราชเสนีอ่านบอกเมืองไชยาส่งเงินปี้จีนฉบับ
๑ แล้วทูลนำ พระยาไชยาซึ่งเข้ามาเยี่ยมศพสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
เข้าเฝ้าถวายผ้ายกฟื้นสีต่าง ๆ ผ้าอาบ ดังนี้เป็นต้น
|